ร้าน บัวชมพู พระเครื่อง
www.buachomphu.99wat.com
096-2539554
buachomphu9

จอมทัพธรรมแห่งรัตนโกสินทร์ ต้นแบบพระแท้แห่งพุทธกาล ผู้ถักทอเครือข่ายพระป่าให้ครอบคลุมทั่วหล้า ผู้เป็นแบบอย่างในการรักษาสิกขาบทชนิดเอาชีวิตเข้าแลก ผู้อิ่มบารมีธรรมอย่างเอกอุ ผู้เป็นแสงอาทิตย์ฉายกล้าไปทั่วอาณาเขตพุทธแดนไทย ให้ลูกหลานสืบทอดผ่านกาลสมัยรุ่นแล้วรุ่นเล่า " พ่อแม่ครูบาอาจารย์มั่น ภูริทัตโต"

         *********ประโยชน์สูงสุดของการมีไว้ซึ่งพระเครื่อง*********

                 เพื่อเป็น"พุทธานุสติ"..."ธรรมานุสติ"..."สังฆานุสติ"

(หวังว่าพระเครื่องทุกองค์นี้จะเป็นปัจจัยให้ท่านผู้ครอบครองปฏิบัติธรรมเป็นเนืองนิจ)...อนุโมทนาสาธุ

ขอบพระคุณทุกท่านที่แวะเยี่ยมชม พระทุกองค์รับประกันแท้ตามมาตรฐานสากลนึกถึงพระสวย พระแท้นึกถึง "บัวชมพู"ปัจจัยท่านแท้พระต้องแท้100เปอร์เซนต์แท้ทุกที่ แท้ทุกวันสนใจสอบถามพูดคุยได้ครับ .....

                        096-2539554   ID LINE...buachomphu9

 
พระพิฆเนศ หลวงปู่เหรียญ เนื้อนวะ(หายาก)


  ส่งข้อความ

ชื่อร้านค้า
บัวชมพู พระเครื่อง
โดย
buachomphu
ประเภทพระเครื่อง
พระเกจิทั่วไป
ชื่อพระ
พระพิฆเนศ หลวงปู่เหรียญ เนื้อนวะ(หายาก)
รายละเอียด
พระพิฆเนศ (เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ)หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอร้ญบรรพต หนองคาย เนื้อนวะโลหะ ตอกโค๊ต"ชูรัศมี" สวยมากครับ นานๆจะเจอส้กเหรียญหายากครับ
ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
ต.บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

๏ ก่อนบวช-พรรษาแรก

หลวงปู่ได้เล่าไว้ในอัตตโนประวัติไว้ว่า ท่านเกิดในครอบครัว ใจขาน เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2455 ครอบครัวมีอาชีพทำนา ทำสวนและเลี้ยงสัตว์ มีพี่น้องด้วยกัน 7 คนแต่ได้เสียชีวิตตั้งแต่ยังเล็กทุกคน เมื่อหลวงปู่มีอายุได้ 10 ขวบ มารดาท่านก็ได้เสียชีวิตลง ไม่นานบิดาท่านก็มีภรรยาใหม่ หลวงปู่จึงได้ไปอยู่อาศัยกับคุณยายจนอายุได้ 13 ปีเรียนหนังสือจบ ท่านจึงได้ย้ายไปอยู่กับบิดา ช่วยบิดาและมารดา ทำงานร่วมกับพี่น้อง ที่เป็นลูกของมารดาใหม่อย่างขยันขันแข็ง

ครั้นเมื่อท่านมีอายุได้ 20 ปี ก็มีความปรารถนาจะออกบวช โดยพิจารณาเห็นว่าชีวิตนี้เกิดมาแล้ว ทำงานไม่รู้จักจบจักสิ้น ตายแล้วก็ไม่ได้อะไรติดตัวไป โลกนี้มีทั้งสุขและทุกข์ แต่ความสุขที่ว่านี้เป็นความสุขชั่วคราวที่ไม่ยั่งยืน มันเป็นเพียงเหยื่อล่อ ให้คนเราติดอยู่ในทุกข์เท่านั้น คนเราเกิดมาแล้วที่สุดก็ต้องตายด้วยกันทุกคน ร่างกายนี้เมื่อจิตละไปแล้ว ก็ต้องแตกสลายออกจากกัน ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย เมือพิจารณาดังนี้แล้ว ท่านจึงไปขออนุญาตบิดาและมารดาเพื่อขอลาบวช

เมื่อท่านบิดาได้อนุญาตแล้ว ท่านก็ได้บวช ณ อุโบสถวัดบ้านหงษ์ทอง มีท่านพระครูวาปีดิฐวัตร เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระอาจารย์พรหม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เมื่อเดือนมกราคม 2475 บวชแล้วจึงกลับมาอยู่วัดโพธิ์ชัย บ้านหม้อ โดยท่านอาจารญ์วัดโพธิ์ สอนให้ท่านภาวนาอนุสติ 10 ท่านก็ได้ท่องเอา แล้วบริกรรมไปเรื่อยๆ ตั้งแต่พุทธานุสติ ธรรมานุสติ ไปจนถึงอุปสมานุสติแล้วจึงตั้งใหม่

ครั้นถึงเดือนพฤษภาคมปีนั้นเอง ท่านจึงได้ไปจำพรรษาอยู่ ณ วัดศรีสุมัง ท่านจึงได้เข้าไปเรียนถามวิธีเจริญภาวนา กับท่านอาจารย์บุญจันทร์ รองเจ้าอาวาส ซึ่งได้รับคำสอนให้เลือกเอากรรมฐานบทใดบทหนึ่ง ที่ถูกกับนิสัยของตน บริกรรมเฉพาะบทเดียวเท่านั้น พร้อมกับแนะนำให้บริกรรมพุทโธเป็นอารมณ์ ท่านจึงได้บริกรรมพุทโธมาตั้งแต่นั้น พอถึงเดือนธันวาคมสอบนักธรรมเสร็จ ท่านจึงได้เดินทางกลับวัดโพธ์ชัย

ในระหว่างนั้นบิดาท่านได้นำหนังสือของท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม มาถวายหลวงปู่ เมื่ออ่านแล้วท่านรู้สึกสนใจในเรื่องกายานุปัสสนา ซึ่งในหนังสือได้แนะนำให้พิจารณากายแยกย่อยไปเป็นส่วนต่างๆ ให้สติได้รู้ว่า ร่างกายนี้ไม่ได้มีอะไรเป็นของตนสักอย่างเดียว เมื่อท่านพิจารณาได้ดังนี้จึงมีดำริจะออกไปอยู่ในป่า

แต่ท่านก็ยังไม่อาจตัดสินใจได้เพราะใจหนึ่งอยากสึกไปครองเรือน แต่อีกใจหนึ่ง อยากออกปฏิบัติธรรมตามที่ตั้งใจไว้ ท่านจึงได้นั่งสมาธิตัดสินใจ แล้วท่านก็ได้คำตอบว่าไม่สึกถึง 3 ครั้ง ซึ่งไม่นานท่านจึงได้ ออกจากวัดไปอยู่ป่าที่ผาชัน ริมฝั่งแม่น้ำโขง พร้อมกับศึกษาต่อกับท่านอาจารย์กู่ ธัมมทินโน ซึ่งท่านก็ได้รับฟังจนเข้าใจดี
ปี 2476 หลวงปู่ได้พบกับท่านอาจารย์บุญมา ฐิตเปโต ท่านอาจารย์บุญมาได้พาท่านไปบวชเป็นธรรมยุติที่วัดโพธิสมภรณ์ อุดรธานี ในพรรษาแรก ท่านได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าสาระวารี จ.อุดรธานี เมื่อออกพรรษาแล้วท่านจึงได้ธุดงค์ขึ้นไปพักวิเวก ที่ถ้ำผาปู่ และถ้ำผาบิ้ง จังหวัดเลย

พอปี 2477ท่านจึงได้กลับลงมาจำพรรษาที่วัดอรัญวาสี จ.หนองคาย ในพรรษานี้ ท่านเล่าว่าท่านได้ตั้งใจบำเพ็ญเพียรอย่างหนัก ซึ่งท่านมีความตั้งใจดังนี้คือ 1. จะไม่นอนกลางวัน 2. เมื่อค่ำลงจะทำความเพียร จนถึง 4 ทุ่มจึงจำวัด พอถึงตี 2 จึงลุกขึ้นทำความเพียรต่อ จนถึงสว่าง พอออกพรรษา ท่านจึงได้ธุดงค์ไปอยู่ที่ถ้ำผาบิ้งอีก พอถึงเดือนหก จึงกลับมาที่วัดป่าบ้านค้อ

ในวันออกพรรษาปีนั้นเอง ท่านก็เกิดรักผู้หญิงเข้าคนหนึ่ง ท่านจึงได้รีบหนีกลับมาอยู่ที่วัดอรัญญบรรพต แต่ก็ไปเกิดรักใหม่จนท่านตัดสินใจว่าจะลาสึก และจึงได้ดินทางไปหาพระอุปัชฌาย์เพื่อลาสึก แต่ในคืนวันนั้นเอง ท่านได้พิจารณาเห็นถึงความทุกข์ในโลก จนในที่สุดท่านจึงคลายจากความอยากสึกลง

จากนั้นท่านจึงได้กลับไปจำพรรษาที่วัดป่าสาระวารีอีกครั้ง เป็นพรรษาที่ 3 พอย่างเข้าเดือน 10 ท่านก็ล้มป่วยลง พอออกพรรษา บิดาจึงได้พาท่านกลับมารักษาตัว ที่วัดอรัญญบรรพต ท่านเล่าว่าเจ็บครั้งนั้นเกือบเอาชีวิตไม่รอด

ครั้นต่อมาการภาวนาก็ทำให้จิตสงบลงเรื่อยๆ จนสงบดีแล้ว แต่พอมีเรื่องต่างๆ เข้ามากระทบ เช่นทางตา ก็ทำใจจิตใจหวั่นไหว แก้อย่างไรก็ไม่ตก ท่านจึงได้คิดถึงท่านอาจารย์มั่น ทั้งๆ ที่ท่านไม่ได้รู้จักเลย เพียงแต่เคยได้ยินมาว่าท่านเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ หลวงปู่จึงได้ชวนเพื่อนภิกษุรูปหนึ่ง เดินทางมาหาท่านอาจารย์มั่นด้วยกันที่ จ.เชียงราย

ในคืนวันหนึ่งที่ยังเดินไปไม่ถึงหมู่บ้าน จึงนอนอยู่ในป่าข้างทาง คืนนั้นท่านได้นิมิตเห็นท่านอาจารย์มั่น พอถึงรุ่งเช้าท่านก็ได้ทราบว่าเพื่อนภิกษุก็ได้นิมิตเห็นท่านอาจารย์มั่นเช่นกัน พอสอบถามถึงลักษณะที่ปรากฏก็ทราบว่าเป็นเช่นเดียวกัน ถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดี ทำให้ท่านแน่ใจว่า จะต้องได้พบท่านอาจารย์มั่นอย่างแน่นอน

ครั้นเมื่อเดินทางไปถึง จ.เชียงใหม่ ไปที่วัดเจดีย์หลวง ได้พบกับหลวงตาเกต ซึ่งได้พาท่านไปพบพระอาจารย์มั่น ที่ป่าละเมาะใกล้ๆ โรงเรียนแม่โจ้ ในวันนั้นท่านอาจารย์ได้ให้โอวาทแก่หลวงปู่ว่า

"ธรรมดาเขาทำนาทำสวน เขาไม่ได้ทำใส่บนอากาศเลย เขาทำใส่พื้นดินนี้แหละจึงได้รับผล ฉันใด โยคาวจรผู้บำเพ็ญเพียรทั้งหลาย ควรพิจารณาร่างกายนี้แหละเป็นอารมณ์ จนเกิดนิพพิทาความเบื่อหน่ายในนามในรูปนี้ ด้วยอำนาจแห่งปัญญานั้นแหละ จึงจะเป็นทางหลุดพ้นได้ ไม่ควรติดในความสงบโดยส่วนเดียว "
ราคา
บัวชมพู
เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ
089-1372234
ID LINE
buachomphu9
จำนวนการเข้าชม
1,597 ครั้ง
บัญชีธนาคารที่ใช้ยืนยันตัวตน
ยังไม่ส่งข้อมูล